1.เมื่อฝนตก ควรหยุดการใช้งาน Bluetooth และสมาร์ทโฟนในทันที ควรเก็บ Bluetooth และสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋าที่แห้ง เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ไม่ถูกกับน้ำ โดยเฉพาะความชื้น อาจเป็นตัวการทำให้สมาร์ทโฟนใช้งานผิดปกติได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าบลูทูธ หรือสมาร์ทโฟนมีการรับรองมาตรฐานการกันน้ำ
2. พกถุงซิปล็อกไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะถุงซิปล็อกทำมาจากพลาสติก ซึ่งจะช่วยปกป้องสิ่งของต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
3. การเลือกซื้อเคสกันน้ำนับว่าเป็นอีกหนทางหนึ่งสำหรับผู้ที่เป็นกังวลว่าสองวิธีด้านบนอาจจะไม่เวิร์ก แต่ถ้าลองใช้เคสกันน้ำที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ก็ถือว่าช่วยได้มากทีเดียว ที่จะช่วยปกป้องสมาร์ทโฟนให้รอดพ้นจากการเปียกน้ำฝนได้เป็นอย่างดี แต่เคสกันน้ำมักจะผลิตให้กับสมาร์ทโฟนระดับเรื่อธง และหาซื้อได้ยาก รวมถึงอาจมีราคาแพง
ข้อควรปฏิบัติเมื่อสมาร์ทโฟนเปียกน้ำ
1.สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเมื่อสมาร์ทโฟนเปียกน้ำ คือต้องปิดเครื่อง และให้ถอดแบตเตอรี่ออก เพราะความชื้นจากน้ำ อาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟนเปิดเครื่องไม่ติด แต่ถ้าสมาร์ทโฟนไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออกได้ ให้เช็ดสมาร์ทโฟนให้แห้ง แล้วปิดเครื่องให้เรียบร้อย
รวมถึงห้ามใช้ที่ชาร์จ ชาร์จสมาร์ทโฟนหลังจากที่เปียกน้ำมาหมาดๆ ถึงจะเช็ดให้แห้งแล้วก็ตาม เพราะการชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่สมาร์ทโฟนเปียก จะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ภายในลัดวงจรได้
2. ทำให้สมาร์ทโฟนแห้งด้วยการแช่ในถังข้าวสาร โดยข้าวสารจะช่วยดูดความชื้นออกจากสมาร์ทโฟนได้อย่างดี ทำให้สมาร์ทโฟนแห้งได้อย่างรวดเร็ว อาจแช่ไว้นาน 1-2 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าสมาร์ทโฟนแห้งแล้วจริง แต่สำหรับการทำให้สมาร์ทโฟนแห้ง ห้ามใช้ไดร์เป่าผมโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นการกระจายน้ำ รวมถึงความร้อนจากไดร์เป่าผมจะเป็นตัวการเร่งความเสียหายให้กับสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น
3. เมื่อแน่ใจว่าสมาร์ทโฟนแห้งแล้ว ให้เปิดเครื่อง ถ้าเปิดเครื่องติด และสามารถใช้งานได้ตามปกติ ก็ถือว่ายังพอมีโชคอยู่บ้าง แต่ถ้าเปิดสมาร์ทโฟนไม่ติด หรือเมื่อใช้ไปแล้วเกิดปัญหา ทีมงานขอแนะนำว่าให้นำสมาร์ทโฟนเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คอาการของสมาร์ทโฟน จะเป็นการดีที่สุด